เสริมจมูกแกนตั๊กแตน MANTIS

             ซิลิโคนแกนตั๊กแตน ถูกคิดค้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาและเสริมจมูกได้ทุกรูปแบบ และสามารถแก้ไขปัญหาจมูก  เบี้ยว เอียง ทะลุ จากการเสริมจมูกจากซิลิโคนแบบเก่าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ สำหรับซิลิโคนแกนตั๊กแตนถูกออกแบบมาให้มีความเหมาะกับคนเอเชีย ซึ่งซิลิโคนแกนตั๊กแตนได้จดสิทธิบัตรกับ Patent & Trademark Office (PTO) ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกเรียบร้อยแล้ว คุณจึงมั่นใจในซิลิโคนแกนตั๊กแตนได้ว่าสามารถใช้ในการศัลยกรรมได้ 

รีวิวเคสเสริมจมูก

***ผลลัพท์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแล้วแต่บุคคล

วีดีโอเคสเสริมจมูก By หมอนุ๊ก พีรดาคลินิก

เคสเสริมจมูกแกนตั๊กแตน

By หมอนุ๊ก พีรดาคลินิก โทร.02-4089163 / 088-8815990 Line@ : @peerada_clinic

   เคสเสริมใหม่ ปลายพุ่ง สโลบ หยดน้ำ

วีดีโอเคสจมูกทั้งหมด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลเกี่ยวกับซิลิโคนแกนตั๊กแตน

ซิลิโคนเสริมจมูกแกนตั๊กแตน Mantis Strut Implant Grade

(อิมแพลนท์ เกรด) USA ✔✔✔
● ซิลิโคนเกรดที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด
● ปลอดภัย อยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิต
● ผ่านการทดสอบค่าความเป็นพิษสะสมในระยะยาวและสารก่อมะเร็ง
● แนบเนียนไปกับโครงสร้างจมูก ไร้ขอบซิลิโคน จมูกโด่ง บิดได้อย่างเป็นธรรมชาติ
● ซิลิโคนแกนตั๊กแตน Mantis Strut เป็นซิลิโคนที่ได้คุณภาพสำหรับการศัลยกรรม ✔✔✔

การออกแบบของซิลิโคนแกนตั๊กแตน โดยเลียนแบบโครงสร้างจมูกจริง และมีปีกบางๆทำหน้าที่ครอบจมูก แนบเนียน ไปกับโครงสร้างจมูก(เหมือนทำให้กระดูกจมูกสูงขึ้น) โด่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

📌📌📌 เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบช่วยลดโอกาสการทะลุบริเวณปลายจมูก ซึ่งได้จดสิทธิบัตร/ลิขสิทธิ์แล้ว ซิลิโคนอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้โดยไม่ผิดสิทธิบัตร/ลิขสิทธิ์

📌📌📌 ความนิ่ม สามารถบิดจมูกได้ปกติ และมีบางส่วนที่แข็งพอที่จะตั้งทรงจมูกให้ได้รูปสวยงาม (หากนิ่มเกินไปจะไม่สามารถตั้งทรงจมูกให้ได้รูปเท่าที่ควร)

การเตรียมตัวก่อนทำจมูก

งดสูบบุหรี่, งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อยก่อนทำศํลยกรรม 1 สัปดาห์
งดยาแก้ปวด ลดกล้ามเนื้ออักเสบ ก่อนผ่าตัด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) หรือ ไอบิวโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด แต่กรณีที่จำเป็นต้องใช้ แนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอลในการบรรเทาอาการปวดเท่านั้น
ควรงดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เนื่องจากอาหารเสริมเหล่านี้ ไม่ว่าสรรพคุณจะดีงามขนาดไหน ก็เกิดอากรเลือดหยุดไหลช้า หมอไม่รับเพราะผ่าตัดยากแถมหลังผ่าจะเหมือนโดนรุมต่อยมา
งดของแสลงจำพวกของดอง น้ำอัดลมรวมถึงอาหารทะเล หากสามารถงดได้ล่วงหน้า แนะนำให้งด
การดูแลหลังผ่าตัด

โดยปกติแล้วการผ่าตัดทำจมูกจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจะมีการนอนพักเพื่อดูอาการ หากไม่มีอะไรที่ผิดปกติแพทย์จะให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ อาจต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ขึ้นไปอาการบวมและแดงจึงจะค่อย ๆ ลดลง และเผยให้เห็นรูปร่างของจมูกที่เปลี่ยนไปได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งแล้วแต่สภาวะร่างกายของแต่ละบุคคล

ทว่าการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกก็มีความเสี่ยงและสามารถพบภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัด ได้แก่

เลือดออกในปริมาณมาก การผ่าตัดทุกชนิดเป็นสาเหตุของการสูญเสียเลือด แต่หากการสูญเสียเลือดนั้นมากเกินควบคุมอาจส่งผลอันตรายต่อผู้เข้ารับการผ่าตัด โดยอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำ และเข้าสู่ภาวะขาดเลือด
การติดเชื้อ แม้การดูแลรักษาหลังผ่าตัดที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ แต่การติดเชื้อก็ยังคงเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่สามารถพบได้บ่อยในการผ่าตัดศัลยกรรม โดยบางรายอาจเกิดการติดเชื้อภายในและรุนแรงจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
เกิดแผลเป็น โดยปกติแล้วการผ่าตัดส่วนใหญ่มักก่อให้เกิดแผลเป็นในภายหลัง แต่ถ้าหากเป็นการผ่าตัดศัลยกรรม แผลเป็นถือเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นหากเกิดแผลเป็นขึ้นควรรีบไปพบแพทย์
นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจเกิดจากความผิดพลาดจากการผ่าตัดหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาชา เช่น

ผนังกั้นช่องจมูกทะลุ
หายใจทางจมูกได้ลำบากเนื่องจากลักษณะของรูจมูกเปลี่ยนไป
เกิดอาการชาอย่างถาวรภายในหรือบริเวณรอบ ๆ จมูก
อาการเจ็บปวด บริเวณจมูกเปลี่ยนสี หรือมือาการบวมอย่างต่อเนื่อง
จมูกเบี้ยว
จมูกอุดตันจนทำให้หายใจทางจมูกไม่ได้ และต้องหายใจทางปากแทน
มีเลือดกำเดาออกเล็กน้อยหลังการผ่าตัดช่วงแรก ๆ
เกิดอาการแพ้ยาหรือยาสลบที่ใช้
การรับกลิ่นผิดเพี้ยน
สำหรับการดูแลรักษาตนเองหลังจากการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก เพื่อให้อาการค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างรวดเร็วผู้เข้ารับการผ่าตัดควรดูแลตัวเองดังนี้

นอนหนุนหมอนให้สูงขึ้น เวลาพักผ่อนควรเสริมหมอนที่ใช้รองคอให้สูงขึ้นติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันเพื่อลดอาการบวม
ประคบเย็นด้วยน้ำแข็งบริเวณข้างสันจมูกเพื่อหยุดการไหลของเลือดจากการผ่าตัด เป็นเวลา 1 อาทิตย์ หลังจากนั้นประคบร้อนเพื่อไล่ลิ่มเลือดให้สลายจนกว่าลิ่มเลือดจะสลายหมดไป
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของหมักดอง อาหารฤทธิ์ร้อน (เช่น ทุเรียน ลำไย )
งดแอลกฮอล์ บุหรี่ หรือยา อาหารเสริมที่ทำให้เกิดการสูบฉีดของเลือด
งดอาหารทะเล
หมั่นเช็ดแผลด้วยเบตาดีนและน้ำเกลือ อย่าให้แผลเป็นสะเก็ด เพราะจะทำให้เกิดแผลเป็น ควรเช็ดแผลทุก 2 – 3 ชั่วโมง (น้ำเกลือ สลับ เบตาดีน)
หลีกเลี่ยงการเกิดแรงดันที่จมูก เช่น การจาม ควรจามแบบเปิดปาก และห้ามสั่งน้ำมูก
หลีกเลี่ยงฝุ่นและควัน หากเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ผ้าปิดปากเพื่อป้องกัน
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
รับประทานยาแก้ปวดเมื่อมีอาการปวด หรือยาแก้ปวดที่แพทย์สั่ง
ไม่เพียงเท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารเยอะ ๆ และแสดงสีหน้า ยิ้ม หัวเราะ อย่างพอดีเพื่อไม่ให้แผลได้รับการกระทบกระเทือน อีกทั้งหากถอดเสื้อควรถอดอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนในส่วนของจมูก การแปรงฟันก็ควรแปรงเบา ๆ เพื่อไม่ให้กระเทือนไปถึงแผลผ่าตัด และระมัดระวังการสวมแว่นตาทุกชนิด ที่สำคัญที่สุดคือควรหลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะแสงแดดที่มากเกินไปอาจทำให้ผิวบริเวณจมูกเปลี่ยนสีและเป็นอันตรายได้

หลังจากการผ่าตัดศัลยกรรม ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่ในระยะประมาณ 2-3 สัปดาห์แรกอาจมีอาการที่เป็นผลกระทบบริเวณรอบดวงตา อาทิ อาการชา อาการบวม หรือผิวหนังบริเวณรอบดวงตาเปลี่ยนสี แต่มีในกรณีที่น้อยมากที่อาการบวมอาจจะอยู่นานถึง 6 เดือน ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวมให้ลดลง

ที่สำคัญ หลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรไปพบแพทย์ให้ตรงตามนัดและควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด