1. การอบสมุนไพร จะใช้เวลาในการอบประมาณ 45 นาที เป็นการอบตัวด้วยไอน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพร     เป็นวิธีการบำบัดอย่างหนึ่งที่ใช้กันมานานมากแล้วคือการใช้   “ความร้อนบำบัด” นั่นเอง เพื่อให้การสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายได้สม่ำเสมอ    และการอบสมุนไพร ถือว่าเป็นการช่วยล้างพิษออกทางเหงื่อ  ผิวหนังของคนเราจะเป็นส่วนที่กว้างที่สุด นอกจากจะล้างพิษออกไปแล้ว เลือดที่มาเลี้ยงที่ผิวหนังมากขึ้น ช่วยนำพาสารอาหารที่ดีๆมาให้ผิวหนัง ผิวหนังจึงสวยขึ้นได้ 

 2. สครับผิว  เพื่อการทำความสะอาดด้วยวิธีการขัดหรือการถู สครับช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขนรวมทั้งเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพหรือเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้วที่เกาะอยู่บนบริเวณผิวหนังชั้นนอกให้สามารถหลุดออกได้เร็วขึ้น   และให้โอกาสเผยเซลล์ผิวใหม่ที่ดูสดใส   มีชีวิตชีวากว่าเซลล์ผิวเก่าสภาพเสื่อมที่ดูหมองคล้ำ     

 3. การนวดแบบอโรมาเธอราพี  นั้นเป็นการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยที่มีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีประโยชน์หลายชนิดเข้าด้วยกัน และน้ำมันหอมระเหยชนิดนี้มีประโยชน์มากเพราะกลิ่นของมันนอกจากจะหอมแล้วพอแล้วสูดดมเข้าไปในร่างกายจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย   กระตุ้นฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายออกมาทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดี    การนวดแบบน้ำมันหอมระเหยนั้นแตกต่างการนวดด้วยน้ำมันแบบธรรมดา  เพราะว่าการนวดแบบอโรมาเธอราพีนั้นมีน้ำมันหอมระเหยที่สกัดมาจากธรรมชาติจึงไม่มีสารพิษที่อาจจะทำให้ร่างกายเราเกิดอาการแพ้หรือคันได้   และด้วยน้ำมันหอมระเหยนั้นยังมีกลิ่นมีหอมและน้ำในน้ำมันหอมนั้นจะเป็นแบบเดียวกับน้ำมันในผิวเราจึงทำให้ผิวของเราสามารถดูดซึมน้ำมันเข้าไปได้อย่างไม่เกิดอาการเหนียวเหนอะหนะที่ผิวของเรา   แต่น้ำมันหอมระเหยจะทำให้ผิวเราชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น 

 4. “อาบน้ำแร่ แช่น้ำนม”น้ำแร่จากธรรมชาติและนมสดๆ  ในปริมาณมากพอสำหรับลงไปนอนแช่ ซึ่งในน้ำแร่และนมที่ใช้อาบน้ำจะประกอบไปด้วย แคลเซียม โปรตีน วิตามิน แมกนีเซียม โพแทสเซียม  และฟลูออไรด์ ซึ่งมีผลให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ผ่อนคลาย และได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวอย่างครบถ้วน โปรตีนจากน้ำนมยังช่วยให้ผิวของคุณนิ่ม เปล่งปลั่งน่าหลงไหลเป็นอย่างยิ่ง